ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Botox ลดริ้วรอย ยกหน้าวี ปรับหน้าเรียวได้จริง มาทำความรู้จักกัน

 Botox การปรับรูปหน้าและการลดริ้วรอยเพื่อคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า โดยไม่ต้องศัลยกรรมและเป็นทางเลือกที่นิยมที่สุด ซึ่งการปรับโครงหน้าและลดริ้วรอยโดยไม่ศัลยกรรมมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ เลเซอร์ยกกระชับใบหน้า BOTOX  Filler ซึ่แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลท์และเป็นที่นิยมเลยก็คือ การลดริ้วรอย ด้วย การฉีด BOTOX ซึ่งวันนี้ bowmeclinic ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณจะนำเรื่องราวดี ๆ อันเป็นความรู้มาฝากเพื่อนๆ ทั้งหลายกัน ไปติดตามกันเลย

Botox

Botox คืออะไร? เหมาะกับใคร จะฉีดดีไหม? สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับโบท็อกซ์

Botox หากคุณไม่เคยฉีดโบท็อกซ์มาก่อน คุณกำลังตัดสินใจว่าจะฉีดหรือไม่? คุ้มค่าไหมกับการฉีด? มันเจ็บมากไหม? ฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่ร่างกายได้ที่ไหน? เป็นอันตรายหรือไม่? โบท็อกซ์คืออะไรกันแน่? วันนี้ bowmeclinic จะพาทุกคนที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในตนเองด้วยการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้เข้าใจว่าโบท็อกซ์คืออะไรกันแน่? มันทำงานอย่างไร? จุดฉีดโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ที่ไหน? เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมอ่านต่อได้เลย

ฉีดโบท็อก คืออะไร? (Botox)

ต้องบอกก่อนว่า Botox เป็นชื่อแบรนด์ต่อต้านริ้วรอยจากอเมริกาชื่อจริงของสารนี้คือ botulinum toxin A เรียกโดยย่อว่าBotox A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดจากแบคทีเรียที่ผลิต (Clostridium botulinum) หากได้รับสารตัวนี้มากเกินไปจะเกิดผลทำให้ อาหารเป็นพิษ กล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมก็สามารถช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย

Botox เหมาะสำหรับทางการแพทย์ ซึ่ง โบท็อกซ์ ในช่วงแรกนั้นถูกนำมาเพื่อรักษาอาการ ตาเหล่ ซึ่งต่อมา โบท็อก พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมความงาม เช่น ช่วยลดริ้วรอย และทำให้ผิวดูกระชับขึ้น จึงเห็นได้ว่าตอนนี้สารนี้ถูกฉีดเข้าไปเพื่อลดขนาดของหน้าผาก ใต้ตา ศีรษะ คิ้ว จมูก ริ้วรอยรอบคาง

โบท็อก คือ สารเคมีที่จะฉีดเข้าไปที่ใบหน้าเพื่อยับยั้ง การหดตัวของกล้ามเนื้อและทำให้ผิวกระชับขึ้นและมีริ้วรอยน้อยลง การฉีด Botox หนึ่งครั้งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที และผลจะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน และควรฉีดซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลอย่างต่อเนื่อง คุณควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลีนิคหรือประวัติทางการแพทย์ที่จะดำเนินการฉีดโบท็อกซ์ให้คุณอย่างละเอียด เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์และไม่เป็นมืออาชีพ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ 

การฉีดโบท็อกซ์ ยังใช้เพื่อรักษาอาการผิดปกติ ตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อาทิเช่น

  • โรคคอบิดเกร็ง
  • ภาวะตาขี้เกียจ
  • ภาวะเหงื่อออกมือ เท้า ผิดปกติ
  • กล้ามเนื้อหดรัด
  • ไมเกรน
  • กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ
  • เปลือกตากระตุก

การฉีดโบท็อกซ์มีขั้นตอนอย่างไร?

ขั้นตอนการฉีดโบทูลินั่มท็อกซินที่โรงพยาบาลหรือคลินิก มีดังนี้

  • แพทย์หรือพยาบาลทำความสะอาดใบหน้าของผู้ได้รับการฉีด
  • แพทย์จะตรวจสภาพใบหน้าของผู้ได้รับการฉีด
  • แพทย์ของคุณจะใช้ยาชาบนใบหน้าของคุณ แต่โรงพยาบาลหรือคลินิกบางแห่งขั้นตอนนี้อาจใช้น้ำแข็งแทน
  • แพทย์จะ ฉีดโบท็อก ในบริเวณที่ต้องการของใบหน้า ใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที

ก่อนได้รับการฉีดโบท็อกซ์ คุณควรเตรียมสิ่งต่อไปนี้ :

  • หลีกเลี่ยงยาที่ห้ามเลือดได้ยาก เช่น แอสไพริน วิตามินซี และน้ำมันตับปลา เพราะมีคุณสมบัติในการห้ามเลือดได้ยาก
  • หยุดดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยง ที่จะเกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย หลังการฉีดโบท็อกซ์
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้ผลของการ ฉีดโบท็อกซ์ สั้นลง
  • โดยทั่วไป ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลัง การฉีดโบทูลินัมท็อกซิน

ผลข้างเคียงจากการฉีดBotox

  • ปวด บวม หรือช้ำบริเวณที่ฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน
  • ปวดศีรษะ
  • ตาแห้งหรือมีน้ำตามากกว่าปกติ
  • ขยับปากหรือยิ้มลำบาก น้ำลายไหล

เนื่องจากอาการเหล่านี้มักจะหายไป นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือโดยคลินิกหรือสถาบันทางการแพทย์ ที่ไม่น่าเชื่อถือและไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดต้องเผชิญกับผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น คิ้วตก เปลือกตาตก ใบหน้าตึง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และการมองเห็น ปัญหาในการกลืนอาหารหรือของเหลว พูดหรือหายใจลำบาก กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการดูแลและรักษาจนกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ

วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก

หลังฉีดโบท็อก ควรดูแลตัวเอง ตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • คุณควรพยายามขยับกล้ามเนื้อที่ฉีดในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกหลังฉีดโบท็อกซ์ ช่วยให้โบท็อกซ์แพร่กระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อได้มากขึ้น
  • ควรหลีกเลี่ยงการนอนราบเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมงหลังจากฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน เนื่องจากโบทูลินัมทอกซินอาจเคลื่อนออกจากบริเวณที่ฉีดขณะนอนราบ นอนยกศีรษะขึ้น ใช้หมอนสูง 2 ใบ และหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดใบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกซ์เคลื่อนตัวจากบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงความร้อนเป็นเวลา 2 สัปดาห์หลังการฉีดโบทูลินั่มท็อกซิน ไม่ว่าจะอาบแดดหรือซาวน่า เพื่อป้องกันเหงื่อออก อาจระคายเคืองบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ หรือเสี่ยงติดเชื้อ

Botoxใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผล

การฉีดโบทูลินั่มท็อกซินมักจะได้ผลภายใน 1-3 วันหลังจากฉีด และผลของการฉีดโบท็อกซ์หนึ่งครั้งจะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน สำหรับผู้ที่ต้องการมีใบหน้าที่เต่งตึง ริ้วรอยดูจางลง ควรฉีดเป็นประจำเพื่อรักษาผลของโบทอกซ์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโอกาสจะต่ำ แต่การฉีดโบท็อกซ์ก็บ่อยเกินไป มันสามารถนำไปสู่การดื้อต่อ โบท็อกซ์ หรือการฉีดโบท็อกซ์โดยมีผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ซึ่งเกิดจากแอนติบอดีที่ผลิตโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ทำลายสารพิษโบทูลินัมเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย

โบท็อกซ์มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

โดยทั่วไป การฉีดโบทูลินัมท็อกซินมาตรฐานได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และถือว่าปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้ ยกเว้นคนบางกลุ่ม รวมถึงสตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตรที่แพ้โปรตีนในนมวัว และผู้ที่เป็นโรคทางระบบประสาท

ตำแหน่งการฉีด โบท็อกซ์ Botoxที่นิยม

จุดหรือตำแหน่งยอดนิยมสำหรับการฉีดโบท็อกซ์ โดยปกติมักจะเป็นบริเวณที่มีริ้วรอย เช่น ปลายตา หน้าผาก หว่างคิ้ว หรือบริเวณที่รอยย่นเนื่องจากการแสดงออกทางสีหน้าหรืออารมณ์ ส่วนใหญ่ฉีดโบท็อกซ์ คาง และใบหน้าเรียวเล็กลง เนื่องจากผลลัพธ์รวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีรอยแผลเป็น ข้อมูลจุดฉีดโบท็อกซ์ที่แพทย์รวบรวมมีดังนี้

1.ลดโบท็อกซ์กราม (Jaw linebotox) การฉีดโบท็อกซ์บริเวณคางและโครงหน้าจะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น เหมือนบล็อคโดยมีกรอบบังใบหน้าและกรามของคุณ ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กและดูอ่อนกว่าวัยด้วยเหนียงน้อยลง

2.โบท็อกตา (Botoxeyes) เวลาเรายิ้ม สายตาจะแสดงอารมณ์ได้ชัดเจน นี่คือที่มาของรอยตีนกา และการฉีดโบท็อกซ์ที่หางตาจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยอย่างเห็นได้ชัด

3.โบท็อกหน้าผาก (Botoxforehead) เนื่องจากหน้าผากและคิ้วเป็นจุดอารมณ์ที่เรามักจะขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ มักจะมีริ้วรอยลึกระหว่างหน้าผากและคิ้ว ทำให้ใบหน้าดูไม่เท่ากันและดูแก่กว่าวัยที่สำคัญ และบริเวณนั้นมีริ้วรอยลึกทำให้ดูกังวลตลอดเวลา หน้าไม่สดใส

4.โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว  (Botoxbetween Eyes Brown) นี่เป็นเพราะบริเวณหน้าผากและคิ้วเป็นจุดทางอารมณ์ที่เรามักจะขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ มักจะมีริ้วรอยลึกระหว่างหน้าผากและคิ้ว ทำให้ใบหน้าดูไม่เท่ากันและดูแก่กว่าวัย

8.โบท็อกซ์โหนกแก้มลดขนาดของกล้ามเนื้อ (Botoxcheekbones)  ทำให้กล้ามเนื้อ (zygomaticus)  เล็กลงและโหนกแก้มเล็กลง แต่โหนกแก้มจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณยิ้ม

6.โบท็อกซ์จมูก (Botoxnose) ร่องจมูกและแก้มเป็นบริเวณที่มีอารมณ์มากที่สุด เช่นเดียวกับหน้าผากและหว่างคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นการหัวเราะและขยับปากและจมูกของคุณ มันอาจดูแก่กว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีรอยลึกบนปีกจมูก

7.โบท็อกซ์รักแร้ (Botoxaxilla) ลดการทำงานของต่อมเหงื่อ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ทำให้คุณเหงื่อออกน้อยลง

8.โบท็อกน่อง (Botoxslender Legs) เป็นตัวยาที่คล้ายๆกับ ยาคลายกล้ามเนื้อ ส่งผลให้กล้ามเนื้อน่องใหญ่ที่เคยเล็กลง หลักการทำงานจะเหมือนกับการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นนั้นเอง

9.โบท็อกแขน (Botoxarm) ฉีดโบท็อกซ์ลดต้นแขน ก็จะช่วยให้ร่างกายดูเล็กลง เพราะช่วยลดความกว้างของไหล่

นอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว การเลือกแพทย์ผู้มีประสบการณ์จะเข้าใจโครงสร้างของผิวหนังด้วย รู้ตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่ของผู้ป่วย และรู้วิธีฉีดอย่างปลอดภัยเพื่อให้ดูเป็น ธรรมชาติและสวยงาม ดังนั้นควรได้รับการฉีดโบท็อกซ์ ด้วยคลินิกความงามที่เชื่อถือได้ มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข

การได้รับคำแนะนำจากแพทย์ โบท็อก ชั้นนำ เป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัย และสามารถแก้ไขปัญหาให้คุณได้อย่างตรงจุด ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจแต่ถ้าคำตอบยังไม่ใช่สำหรับคุณให้ Bowme clinic เป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหา สามารถติดต่อสอบ-ถามเพิ่มเติมได้ที่ FB : bowmeclinic หรือ LINE@ : @bowme ได้ตลอด 24 ชม.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฟิลเลอร์คืออะไร เข้าใจการเสริมความงานประเภทนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  ฟิลเลอร์คืออะไร วันนี้ bowme clinic จะพาเพื่อนๆ ไปหาคำตอบว่า ฟิลเลอร์ การเสริมความงามที่ตอนนี้ 2022 กำลังได้ความนิยมเป็นอย่าง การเสริมความงามรูปแบบนี้ที่มีชื่อว่า ฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร คุ้มจริงไหมและใครกันที่เหมาะกับ ฟิลเลอร์ (Filler) และวิธีเช็คฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย ฟิลเลอร์คืออะไร ไขความลับฟิลเลอร์ เพื่อผิวที่กระจ่างใส ฟิลเลอร์คืออะไร ฟิลเลอร์ (Filler) สารเติมเต็มผิวประเภท กรดไฮยาลูรอนิค (hyaluronic acid) ที่ถูกนำมาเติมริ้วรอยร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า ในรูปแบบของการฉีด เสริมเต็มเติมชั้นผิวหนังและใต้ชั้นผิวหลัง โดย ฟิลเลอร์ หรือ กรดไฮยาลูรอนิค (hyaluronic acid) จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มปริมาตรตามจุดในต่างๆ ของใบหน้า ฟิลเลอร์สามารถเติมได้หลากหลายจุด เช่น โหนกแก้ม คาง และนิยมใช้ในการเติมเต็มริมฝีปาก ให้ออกมาเป็นรูปทรงต่างๆ อาทิ ทรงสายฝอ ทรงเกาหลี และที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง ทรงกระจับ และฟิลเลอร์เองก็สามารถฉีดเพื่อเติมเต็มในส่วนอื่นๆได้อีกด้วย นอกจาก แก้ม คาง และ ริมฝีมาก ก็ยังมีการ ฉีดฟิลเลอร์ ใต้ตา ที่กำลังได้ความนิยมอีกจุดอีกด้วย อ่านเพิ่มเติมคลิก: ฉีดฟิลเล

ฟิลเลอร์ ปากสายฝอ แฉ 3 เคล็ดลับให้ริมฝีปาก อวบอิ่มสวย SEXY !

ฟิลเลอร์ ปากสายฝอ อีก 1 เทรนด์ การฉีดปากเพื่อริมฝีปากอวบอิ่ม และเพิ่มความเซ็กซี่ให้กับตัวเอง ที่มีมาระยะหนึ่งแล้วและยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก แต่การทำทรงปากเป็นสายฝอ ก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การแต่งหน้า หรือการทำศัลยกรรมช่องปาก และปัจจุบันวิธีการที่นิยมคือ การฉีด ฟิลเลอร์ ปาก นั่นเอง ฟิลเลอร์ ปากสายฝอ ปรับทรงปากอวบอิ่ม SEXY ในแบบที่ลงตัว ฟิลเลอร์ ปากสายฝอ  คือ การฉีดริมฝีปาก ซึ่งจะช่วยเติมเต็มริมฝีปาก และ ทำให้ดูอวบอิ่มขึ้น ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากด้วยสาร Hyaluronic Acid หรือ (HA) สารเติมที่อยู่แล้วตามธรรมชาติ โดยเราทำการจะฉีดสารนี้เข้าไปในใต้ผิวหนังเพื่อช่วยเติมเต็มในบริเวณที่มีการหรือสูญเสีย volume ซึ่งพบได้ในผู้สูงวัย หรือแม้แต่คนที่อายุน้อยแต่มีปัญหาที่ก็สามารถฉีดเพื่อเติมร่องลึกหรือต้องการเติมเต็ม นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดเพื่อปรับแต่งรูปทรงของริมฝีปากให้ได้สัดส่วน ริมฝีปากสามารถจัดทรงตามต้องการโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยลักษณะของปากมักจะสัมพันธ์กับจังหวะเวลายิ้ม หากเรายิ้มได้อย่างมั่นใจสามารถเปลี่ยนชีวิตได้เลย หากริมฝีปากของคุณนุ่ม อิ่ม และปร

ประตูห้องนอน การเลือก 11 ประเภทของประตูภายในที่คุณควรรู้

  ประตูห้องนอน ประตูที่สวยงามเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับสไตล์บ้าน ของคุณได้อย่างมาก เช่นเดียวกับการตัดแต่งหรือการขึ้นรูป ประตู ส่วนใหญ่จะไม่มีใครสังเกตเห็น แต่อาจส่งผลอย่างมากต่อรูปลักษณ์ของห้อง เนื่องจากพวกเราส่วนใหญ่ซื้อ หรือเช่าบ้านที่มีประตูติดตั้งไว้แล้ว เรามักจะมองข้ามมันไป ประตูห้องนอน การเลือกที่ดี สามารถทำให้บ้านดูดีขึ้นได้อย่างมาก ประตูห้องนอน แต่ประตูภายในเป็นส่วนสำคัญของ บ้าน และควรมีความคิดที่ดีในการเลือก หากคุณกำลังสร้าง ปรับปรุง หรือเพียงแค่ต้องการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของห้อง การเลือกประตูภายในใหม่เป็น ขั้นตอนที่สำคัญ สไตล์ วัสดุ ฉนวนกันเสียง และบานสวิงเป็นเพียงบางประเด็นที่ควรพิจารณา เมื่อต้องคัดแยกตัวเลือก ที่ไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับประตูห้องนอนภายใน รูปแบบของ ประตูห้องนอนสวยๆ สามารถ สร้างความแตกต่างอย่างมากในการ ออกแบบบ้าน ของคุณ รู้สึกอิสระที่จะมิกซ์แอนด์แมทช์เล็กน้อย เพราะอาจทำให้บ้านของคุณดูสนุกสนาน และผสมผสานได้ แต่พยายามรักษาองค์ประกอบบางอย่างให้ เหมือนเดิมเพื่อให้มีความรู้สึกไหลลื่นไปทั่วทั้งบ้าน อย่าลืมใส่ใจกับขนาดและความรู้สึกขอ